ฟุตบอลโลก

กกท. บรรลุข้อตกลงถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 แล้ว ได้ชมครบทุกนัด

ในไม่กี่วันที่ผ่านมา ประเทศไทยได้บรรลุข้อตกลง ในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 จากฟีฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ จำนวณทั้งหมด 64 แมตช์ รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท (33 ล้านเหรียญสหรัฐ) แต่เมื่อคิดตามอัตราแลกเปลี่ยน จะอยู่ที่ราวๆ 1,180 ล้านบาท ซึ่งยังไม่คิดภาษี 15%

และในที่สุด กลุ่มทรูที่ช่วยจ่าย 300 ล้าน ค่าลิขสิทธ์ฟุตบอลโลก ก็จะได้สิทธิ์ เลือกคู่ถ่ายทอดก่อนช่องอื่น ทั้ง 13 ช่อง และยังได้สิทธิการถ่ายทอดสดครึ่งหนึ่งจาก 64 คู่ และกระแสความนิยม ในกีฬาฟุตบอลของคนไทย ถือว่ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ทางกสทช. จะนิ่งเฉยไม่ได้ จึงควักเงิน ทั้งหมด 600 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนซื้อลิขสิทธิ์ด้วย

สำหรับช่องทางในการรับชมกีฬาของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปครับ ในปีนี้ ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) เป็นอันดับ 1 ส่วนรายรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายยังคงครองใจคนไทย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของนีลเส็นบอกว่าเทศกาลฟุตบอลโลกที่กำลังจะถึงกลุ่มธุรกิจ คาดว่าจะมีความคึกคักขึ้นแน่นอน เพราะช่วงกีฬาใหญ่แห่งปี แบรนด์ต่างๆ

จะมีการอัดโฆษณาสูงมาก จากข้อมูลที่จัดเก็บของนีลเส็น พบว่า มีคนไทยกว่า 59% ที่ชื่นชอบและรอการติดตามของรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับคะแนนสูงสุดในหมวดกีฬา อุตสาหกรรมที่เข้ามาร่วมในตลาด จะเริ่มขยายตัวมากขึ้น เดิมที่จะเป็นบริษัทเครื่องดื่ม หรือแอลกอฮอล นอกจากนี้ถ้าในแง่ของเรตติ้ง

นีลเส็นมองว่าช่องที่จะได้ถ่ายทอดสดจะได้รับเรตติ้งสูงสุดอย่างแน่นอน เพราะช่วงนี้รายการถ่ายทอดสดกีฬามาแรง โดยจากข้อมูลจากการวัดความนิยมรายการโทรทัศน์ข้ามแพลตฟอร์มสื่อ (Cross platform ratings) ที่มีการวัดเรตติ้งทั้งจากทีวีและผู้ชมทางช่องทางดิจิทัล ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ที่ผ่านมาพบว่า รายการที่ได้รับเรตติ้งสูงสุดคือ การแข่งขันวอลเล่บอลชิงแชมป์โลก

ฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก : คนกลุ่มไหนที่ไม่ได้ดูฟรี แม้มีเงิน กสทช. 600 ล้าน ช่วยค่าลิขสิทธิ์ยิงสด

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ เปิดฉากนัดแรกไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา แม้ผู้ชมคนไทยจะได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากเงินกองทุนของ กสทช. 600 ล้านบาท ร่วมกับภาคเอกชน แต่กลุ่มผู้ชมบางส่วนจะไม่มีสิทธิรับชม เพราะเงื่อนไขที่ “กลุ่มทรู” ผู้ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดกว่าครึ่งของแมตช์ฟุตบอลโลก อ้างถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

ลูกค้ากล่องไอพีทีวี ระบบอินเทอร์เน็ต ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และระบบโอทีที (OTT) อื่น จะดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกไม่ได้ ตามหนังสือที่ทาง “กลุ่มทรู” โดยนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ รอง ผอ. ด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกหนังสือ เรื่อง การแจ้งสิทธิการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เมื่อ 20 พ.ย.

สำหรับตัวเลขเงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่ภาคเอกชนร่วมจ่าย 700 ล้านบาท มีบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จ่ายมากที่สุดจำนวน 300 ล้านบาท ส่วนอื่น ๆ ได้แก่ เครือบริษัทกลุ่มไทยเบฟ กลุ่มบริษัทน้ำมันและพลังงาน เช่น ปตท. บางจาก โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ รายละ 50-100 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทรูได้สิทธิ ถ่ายทอดสดจำนวน 32 นัดจากทั้งหมด 64 นัด โดยได้สิทธิ์เลือกแมตช์ที่จะถ่ายทอดสดก่อน ซึ่งทำให้วันนี้ (21 พ.ย.) สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ยื่นหนังสือต่อกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ตรวจสอบและวินิจฉัยการจัดสรรการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 ว่า “มีความถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่”

สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ระบุว่าการจัดสรรแมตช์ในการถ่ายทอดสดควรเป็นไปตามมติในการให้เงินสนับสนุนของ กสทช. ทั้ง 64 แมตช์ โดยแบ่งสิทธิประโยชน์ตามสัดส่วนของการสนับสนุน ซึ่งคิดเป็น 40% ของงบประมาณการซื้อลิขสิทธิ์ 1,400 ล้านบาท ไม่ใช่เพียง 32 แมตช์ ที่ได้รับหลังจากที่กลุ่มทรู ผู้สนับสนุนหลัก

ซึ่งมีธุรกิจเป็นช่องทีวีดิจิทัลด้วย ได้เลือกแมตช์สำคัญไปแล้ว “ซึ่งสะท้อนถึงความไม่ทั่วถึงและไม่เท่าเทียมอย่างมาก”

กลุ่มทรู จ่าย 300 ล้าน ได้ยิงสดครึ่งหนึ่ง-สิทธิ์เลือกแมตช์ก่อนทีวีดิจิทัลอีก 13 ช่อง

ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่ต้องจ่ายให้กับเอเยนต์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อรวมภาษีแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท กกท. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสทช. เป็นเงินกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) 600 ล้านบาท

และเงินจากภาคเอกชนรวม 700 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนหลัก 300 ล้านบาท การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ มีทั้งสิ้น 64 แมตช์ การจัดสรรสิทธิ์ยิงสด กลุ่มทรู ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดไปครึ่งหนึ่งหรือ 32 แมตช์ โดยทรู ได้เลือกคู่ถ่ายทอดสดในรอบรองชนะเลิศ

ก่อนให้ช่องทีวีดิจิทัลที่เหลือจับสลากแบ่งสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ได้แจ้งต่อ กสทช. วันนี้ เพื่อยืนยันว่าการที่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลช่องสมาชิก 13 ช่องที่เสนอรับสิทธิ์ร่วมถ่ายทอด ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของ กกท.แต่ได้จำยอมร่วมจับฉลากไปในวันที่ 19 พ.ย. ไป

ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล กล่าวว่า ได้ “จำยอม” เพราะ คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ชมฟุตบอลโลก ที่จะมีการถ่ายทอดสดคู่แรก ในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. เวลา 23.00 น. ให้สามารถดำเนินไปได้ก่อน และได้แจ้งต่อที่ประชุมของ กกท. อย่างชัดเจนแล้ว การจับฉลากครั้งนี้สมาคมฯ ไม่ถือเป็นการยอมรับในหลักการและวิธีการ

สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า การที่กลุ่มทรู สนับสนุน 300 ล้านบาท ได้รับสิทธิประโยชน์ครอบคลุมสิทธิ์การถ่ายทอดสดทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์ม แบบ “exclusive” ได้สิทธิ์เลือกคู่แข่งขันจำนวน 32 แมตช์ และได้นาทีโฆษณาจากช่องทีวีดิจิทัลที่ร่วมถ่ายทอดจาก กกท. แต่เงินสนับสนุนจาก กสทช. 600 ล้านบาท

ด้วยมติต้องจัดสรรสิทธิ์ การถ่ายทอดสดให้แก่ช่องทีวีดิจิทัล ซึ่งเป็นแหล่งที่มารายได้ของกองทุน อีกทั้งยังได้สิทธิ์ในแมตช์ที่เหลือ จากกลุ่มทรูเลือกไปแล้ว เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายเดียว “ถือเป็นสัดส่วนที่ไม่เป็นธรรม และผิดต่อหลักการ ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และเอื้อประโยชน์กับเอกชนรายใดรายหนึ่งอย่างชัดเจน” สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ระบุ

ทรูแจ้งลูกค้ากล่องไอพีทีวี มือถือ โอทีทีอื่น ดูสดบอลโลกไม่ได้

กลุ่มทรู ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านทั้งทางช่องทรูวิชั่นส์ และทีวีดิจิทัล “ทรูโฟร์ยู” ซึ่งเป็นระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน แต่สำหรับการรับชมตามระบบทีวีดิจิทัล กลุ่มผู้ชมที่ใช้กล่องทีวีอินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการรายอื่นที่ไม่ใช่ทรู เช่น 3BB, TOT, IPTV, กล่องเอไอเอส เพลย์บ็อกซ์ รวมถึงกล่องรับสัญญาณดาวเทียม เช่น GMM Z, PSI, MVTV, DTV เป็นต้น ไม่สามารถรับชมได้

มติชน รายงานรายละเอียดของหนังสือชี้แจงจากกลุ่มทรู ดังกล่าว ซึ่งบีบีซีไทย คาดว่า เป็นการแจ้งต่อผู้ให้บริการรายอื่น หนังสือชี้แจงจากกลุ่มทรู ระบุว่า กกท. ได้ตกลงมอบสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่กลุ่มทรู ซึ่งรวมถึงการให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ผ่านระบบเคเบิล

ระบบดาวเทียม ระบบไอพีทีวี ระบบอินเทอร์เน็ต ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และระบบโอทีที และยังให้สิทธิแบบไม่จำกัดแต่เพียงผู้เดียวผ่านช่องทางโทรทัศน์ ภาคพื้นดิน หนังสือดังกล่าว บอกด้วยว่า เป็นการแจ้งให้ทราบถึงสิทธิการถ่ายทอดสดของทรู และขอให้ดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก “โดยไม่ละเมิดสิทธิของกลุ่มทรู

เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันบนระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน” หรือระบบทีวีดิจิทัลที่ปัจจุบันมีอยู่ 19 ช่อง

ขอบคุณแหล่งที่มา : bbc thai

สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : marinapaper.com